ทำไมต้องหุ้นสหรัฐอเมริกา?
ถ้าให้สรุปลักษณะเฉพาะของการลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาเป็นคำเดียว ก็คือ ปลอดภัยและลงทุนง่ายนั่นเอง
ต่อไปนี้จะอธิบายรายละเอียดว่าทำไมการลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาจึงปลอดภัย ง่าย และเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่ดีที่สามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารการเงินได้ตลอดชีวิต
ทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของหุ้นสหรัฐอเมริกา
ลักษณะเฉพาะที่สำคัญที่สุดของหุ้นสหรัฐอเมริกาคือ กราฟรายปีมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีหลัก 3 ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ได้แก่ SNP 500, ดาวโจนส์ และ NASDAQ ดัชนีทั้ง 3 ตัวนี้มีกราฟรายปีที่เป็นขาขึ้นเสมอ เมื่อเปรียบเทียบกับกราฟรายปีของดัชนี KOSPI และ KOSDAQ ของเกาหลีใต้จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพียงแค่ดูจากกราฟนี้ก็สามารถอธิบายได้โดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าทำไมการลงทุนระยะยาวในหุ้นคุณภาพของสหรัฐอเมริกาจึงทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ลงทุนในเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทุกคนคงยอมรับว่าสิ่งที่ปลอดภัยและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนที่สุดในโลกคือ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำโลกไม่เพียงแต่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมทุกด้าน หากเรารู้สึกไม่มั่นคงต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา เราก็คงไม่สามารถลงทุนในประเทศใดในโลกได้เลย ผมเชื่อมั่นว่าการลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาที่ปลอดภัยจะไม่ทำให้เราล้มเหลวอย่างแน่นอน
จับตาเทรนด์ตลาดสหรัฐอเมริกาแหล่งกำเนิดเทคโนโลยีขั้นสูง
จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีขั้นสูงทุกอย่างคือ สหรัฐอเมริกา เทคโนโลยีใหม่ๆ จะเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาแล้วค่อยแพร่กระจายไปทั่วโลก ดังนั้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ นั่นคือ การลงทุนในช่วงเริ่มต้น จะสามารถเพิ่มผลกำไรให้สูงสุดได้
ตระหนักว่าเป็นตลาดที่ซื่อตรง 움กื่อนไหวตามกลไกตลาดโดยปราศจากการแทรกแซงจากผู้เล่นรายใหญ่
จากประสบการณ์ของผู้เขียนในตลาดเกาหลีใต้ พบว่านักลงทุนรายย่อยมักจะตามหลังเสมอและมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนสูงมาก ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่ซื่อตรง 움กื่อนไหวตามกลไกตลาดโดยปราศจากการแทรกแซงจากผู้เล่นรายใหญ่ ผู้ที่เคยลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้คงรู้สึกเช่นนี้ ผู้เขียนคิดว่าหากตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดการลงทุนที่แท้จริง ตลาดเกาหลีใต้ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นตลาดการเก็งกำไรก็ได้ ผู้เขียนเคยลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้ แต่สุดท้ายก็พบว่านักลงทุนรายย่อยมักตกเป็นเหยื่อของการเล่นเกมของผู้เล่นรายใหญ่หรือเป็นงานเลี้ยงของสถาบันการเงินหรือต่างชาติเสมอ ผู้เขียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และตอนนี้เลิกเล่นหุ้นเกาหลีใต้แล้ว
อย่ามองแต่ต้นไม้ ให้มองป่าด้วย (อย่าดูแต่กราฟรายวัน รายสัปดาห์ แล้วรู้สึกดีใจ เสียใจ สลับกันไปมา ให้พิจารณาจากกราฟรายปีเสมอ)
อย่ามองแต่ต้นไม้ ให้มองป่าด้วย อย่าดูแต่กราฟรายวัน รายสัปดาห์ แล้วรู้สึกดีใจ เสียใจ สลับกันไปมา ให้พิจารณาจากกราฟรายปีเสมอ เวลาลงทุนในหุ้น เราจะเห็นว่าคนที่มีอารมณ์ร้อน คนที่อายุน้อย คนที่มีประสบการณ์น้อย มักจะรู้สึกเศร้า โกรธ ดีใจ กับการเคลื่อนไหวของหุ้นในแต่ละวัน แต่สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การเคลื่อนไหวในหนึ่งวันหรือหนึ่งสัปดาห์ โลกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในพริบตาหรือมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่ใช่กราฟรายวันหรือรายสัปดาห์ แต่เป็นกราฟรายปี โดยเฉพาะกราฟรายปีของหุ้นคุณภาพของสหรัฐอเมริกาที่เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจะรู้สึกว่า นี่แหละคือสถานที่ลงทุนที่แท้จริง
อย่าลืมว่าดัชนีหลัก 3 ดัชนีของตลาดสหรัฐอเมริกา (DOW JONES, S & P 500, NASDAQ) มีกราฟรายปีที่เป็นขาขึ้นมาหลายสิบปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้สังเกตความแตกต่างระหว่าง KOSPI และ KOSDAQ
ดัชนีหลัก 3 ดัชนีของสหรัฐอเมริกา ดาวโจนส์ S&P 500 และแนสแด็ก มีกราฟรายปีเป็นขาขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว ลองเปรียบเทียบกับ KOSPI และ KOSDAQ แล้วคุณจะเข้าใจทันที คุณจะรู้ด้วยตัวเองว่าหุ้นสหรัฐอเมริกาเป็นสถานที่ลงทุนระยะยาวสำหรับหลายชั่วอายุคนจริงๆ
จงจำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่กราฟรายปีของดัชนีหรือหุ้นคุณภาพเป็นขาลง นั่นคือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่กำลังมาถึง
จงจำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่กราฟรายปีของดัชนีหรือหุ้นคุณภาพเป็นขาลง นั่นคือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่กำลังมาถึง ปี 2020 เป็นโอกาสที่หาได้ยากในรอบ 40 ปี ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้เขียนได้พบเจอกับวิกฤตการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น วิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย วิกฤตการเงินโลก และวิกฤตโควิด-19 แต่เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์มากพอในตอนนั้น จึงไม่สามารถซื้อหุ้นในช่วงราคาต่ำสุดได้ และกลับขายทิ้งไปแทน เป็นการกระทำที่เหมือนกับมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เลย แต่ตอนนี้ผู้เขียนได้ตระหนักแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์อะไรขึ้น หากเราลงทุนในหุ้นคุณภาพของสหรัฐอเมริกา เราก็สามารถใช้โอกาสนี้ซื้อหุ้นในราคาถูกได้ และในที่สุดก็จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า อย่าลืมหลักการนี้
สร้างหลักการและมาตรฐานของคุณเอง
หากเราปฏิบัติตามหลักการลงทุนระยะยาวในหุ้นคุณภาพของสหรัฐอเมริกา และใช้กลยุทธ์การซื้อเพิ่มในช่วงที่ตลาดตกต่ำเพื่อลดต้นทุนเฉลี่ย ก็จะช่วยพัฒนาความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ตลาดได้มากขึ้น การจะนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ได้จริงก็ต้องมีการเตรียมตัว เช่น ปกติควรเก็บเงินสดไว้ 30-40% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพื่อที่จะได้มีเงินซื้อหุ้นเพิ่มในช่วงที่ตลาดตกต่ำ หากไม่มีเงินสด ก็สามารถขายหุ้นในช่วงที่ตลาดดีออกบ้างเล็กน้อย วันละ 1-2% เพื่อเก็บเงินสดไว้ใช้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง แต่ในกรณีที่แย่ที่สุด ควรเก็บหุ้นไว้ไม่น้อยกว่า 50%
ลงทุนแบบรับมือ (Defensive) ไม่ใช่แบบรุก (Offensive)
คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนในหุ้น เมื่อราคาหุ้นขึ้นมักจะอยากซื้อตามมาก ในตอนนี้ผู้เขียนจะไม่ซื้อหุ้นเมื่อราคาขึ้นเลย ราคาหุ้นที่ลดลงไม่มีใครรู้ว่าจะลงไปถึงจุดไหน การรู้จุดต่ำสุดเป็นเรื่องของพระเจ้า ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นลดลงมากพอสมควรแล้ว ควรกำหนดจุดซื้อไว้ล่วงหน้า เช่น เมื่อราคาลดลงกี่เปอร์เซ็นต์ จะซื้อหุ้นในปริมาณเท่าไหร่ และถ้าราคาลดลงอีกก็เพิ่มสัดส่วนการซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ การสร้างหลักการและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคต
เป้าหมายของการลงทุนระยะยาวคือการครอบครองทั้งความปลอดภัยและการเติบโต ในระหว่างการลงทุน หากจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ก็อาจขายหุ้นออกไปบ้าง แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เมื่อลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาแล้ว ควรยึดมั่นในหลักการที่ว่าไม่ขายทิ้งเด็ดขาด ไม่ว่าจะลงทุนเงินจำนวนน้อยแค่ไหนก็ตาม
คนที่ใจร้อน คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการลงทุน คนที่อายุน้อย มักจะไม่สามารถลงทุนระยะยาวได้ และมักจะรู้สึกไม่สบายใจ ตื่นเต้น โกรธ และขายทิ้งออกจากตลาดเมื่อเห็นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน แต่ดังที่กล่าวมาแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่น่าเชื่อถือในระยะยาว ดังนั้นเราจึงควรอยู่กับตลาดนี้ไปตลอดชีวิต การลงทุนระยะยาวนั้น นอกจากกรณีที่จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ แล้ว ไม่ควรขายทิ้งออกไป ควรถือหุ้นไปจนตาย และสร้างสภาพแวดล้อมที่ลูกหลานสามารถสืบทอดการลงทุนต่อได้ ซึ่งต้องอาศัยทั้งปัญญาและกลยุทธ์ในการปฏิบัติ
แม้ว่าเราจะลืมไปบ้าง แต่เมื่อราคาหุ้นขึ้นและได้รับเงินปันผล เงินลงทุนส่วนที่เพิ่มขึ้นก็จะกลายเป็นเงินต้นในปีถัดไป ทำให้ได้รับผลประโยชน์ทบต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามักจะลืมไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เราจะพบว่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว นอกจากนี้ หุ้นสหรัฐอเมริกาก็ยังสามารถสร้างผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอีกด้วย
ส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าตลาดอยู่ในอันดับ 1-10 และเน้นหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นนวัตกรรมเป็นหลัก เพราะหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงมักมีความเสถียรภาพสูง และในปัจจุบัน หุ้น NVIDIA เป็นต้นแบบของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นสาขาที่มีศักยภาพในการสร้างผลกำไร ดังนั้นผู้เขียนจึงมุ่งเน้นการลงทุนในสาขานี้เป็นหลัก
สรุป
หลักการลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา 3 ข้อ: 1. เลือกหุ้นที่ดี 2. ซื้อในราคาถูก 3. ถือยาว
เมื่อรวบรวมทุกสิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะสรุปได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ การเลือกหุ้นสหรัฐอเมริกาที่ดี ซื้อในราคาถูก และถือยาว ผู้เขียนหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของคุณ
ขอขอบคุณ
ความคิดเห็น0